บทสรุปการดูงานหลักสูตรผู้บริหารสารสนเทศรุ่นที่ 4 โดย ACIS และ Software Park ณ บริษัท Microsoft Corporation และบริษัท Boeing Company เมือง Seattle รัฐ Washington ประเทศสหรัฐอเมริกา
การดูงานที่ Executive Briefing Center (EBC), Microsoft Corporation, Redmond.
เริ่มจากการกล่าวต้อนรับโดย Mr. Orlando Ayala , corporate vice president, chairman of emerging markets, and chief advisor to Microsoft’s chief operating officer (COO) โดย Mr. Orlando ได้แสดงให้เราเห็นถึงความเป็นกันเอง และ ความเป็นผู้นำ (Leadership) โดยเขาได้ศึกษาและทำการบ้านเกี่ยวกับประเทศไทยมาพอสมควร และ เขาได้ให้ “Idea” เกี่ยวกับ “การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทย” โดยเน้นไปที่การแก้ปัญหา crisis ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเวลานี้ เขาเน้นเรื่องของ “Public Safety” เป็นเรื่องใหญ่ที่ควรจะมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม เขายังได้กล่าวถึงเทคโนโลยี “Cloud Computing” กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกไอทีอย่างก้าวกระโดด บริษัทไหนที่ไม่มีกลยุทธ์ทางธุรกิจ หรือ business strategy เรื่อง Cloud Computing คงจะอยู่ได้ลำบากและผู้บริหารจะถูกมองว่าไม่มีวิสัยทัศน์ในอนาคต (Future Vision) ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกบริษัทต้องการ “Innovation” ใหม่ ๆ เพื่ออนาคตของบริษัท โดยไมโครซอฟท์ได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเทคโนโลยีในอนาคตไว้ภายในห้องแสดงเทคโนโลยีแห่งจินตนาการที่มีชื่อว่า “Microsoft’s Envisioning LAB” และ บ้านในอนาคต ที่รู้จักกันในนาม “Microsoft’s Home of the Future”
Microsoft’s Envisioning LAB
ไมโครซอฟท์ได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในอนาคตอีก 5-10 ปีข้างหน้า จากงานวิจัยและการได้รับข้อมูลจาก Research และ Feedback โดยลูกค้าของไมโครซอฟท์ในแง่มุมต่าง ๆ ซึ่งสรุปเรื่องหลัก ๆ ที่น่าสนใจใน Microsoft Envisioning LAB ได้ดังนี้
- Mobile Phone is a new PC
การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างแพร่หลายทั่วโลก ความนิยมของ iPhone, Blackberry และ Smartphone ที่ใช้ Windows Mobile รวมถึงการมาถึงของ Android Phone ซึ่งใช้เทคโนโลยีของ Google ทำให้ไมโครซอฟท์มองว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็คือ “PC” ในอนาคต ซึ่งบริษัทใดเป็นผู้ครองตลาดของระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็จะประสบความสำเร็จเหมือนกับไมโครซอฟท์ที่ได้ครองตลาดระบบปฏิบัติการเครื่อง Desktop และ Notebook มาแล้ว - Privacy and Security
เรื่องการรักษาความเป็นส่วนตัวและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกบริษัทจะมองข้ามไม่ได้ - Display Everywhere
การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ไม่จำเป็นจะต้องอยู่บนจอภาพหรือจอโปรเจคเตอร์อีกต่อไป ในอนาคตการแสดงผลสามารถแสดงที่ใดก็ได้ที่มนุษย์สะดวก เช่น ผนังห้อง หรือ บนโต๊ะ - Innovation
ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งสำคัญในการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ออกมาสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของลูกค้า ดังนั้น “ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ” จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากในยุคนี้ต่อความอยู่รอดขององค์กร - Re-Imaging Productivity
การสร้างภาพลักษณ์ใหม่ขององค์กรก็เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริหารระดับสูงต้องใส่ใจและหาวิธีการในการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย - GUI to NUI (Graphic User Interface to Natural User Interface)
คอมพิวเตอร์รับคำสั่งของมนุษย์ผ่านการเคลื่อนไหวและการขยับอวัยวะต่าง ๆ เป็นการปฏิวัติการ “INPUT” ข้อมูลและคำสั่งให้กับคอมพิวเตอร์ซึ่งจากเดิมต้องใช้ Mouse Keyboard หรือ Joystick เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ใน XBOX 360 ผู้เล่นเกมส์สามารถขยับร่างกายแทนการใช้ Joystick ได้ - Microsoft “Surface” Technology
- เป็นเทคโนโลยีใหม่ของไมโครซอฟท์ในการตรวจจับความเคลื่อนไหวของมนุษย์ด้วย “Sensor” โดยมนุษย์สามารถใช้นิ้วมือในการสั่งการคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาในรูปกล่องสี่เหลี่ยมที่มีจอ “Touch Screen” อยู่ด้านบนดังรูป โดย Microsoft Surface Technology สามารถช่วยทำให้มนุษย์สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้สะดวกสบายและทันสมัยมากยิ่งขึ้น
- Natural and Intuitive
การผสมผสานเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ากับเข้ากับธรรมชาติและชีวิตประจำวันรอบตัวถือว่าเป็นแนวคิดใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้ - Simplicity and Minimalist
การออกแบบที่ดูง่าย ๆ สะอาด ไม่รกรุงรัง และ ไม่ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ มากจนเกินไป เป็นแนวคิดในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน และ เป็นแนวทางที่ไมโครซอฟท์ถนัดอยู่แล้ว - Seamless and Secure
การเชื่อมต่อต้องไม่ติดขัด สามารถ “Flow” ไหลลื่นได้อย่างอิสระและมีความมั่นคงปลอดภัยด้วยในตัว - Rising of Social Networking
การอุบัติขึ้นของปรากฎการณ์ “Twitter” และ “Facebook” ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องมีกลยุทธ์เกี่ยวกับเรื่อง “Social Networking” ในอนาคต - Uninterrupted Workflow
การออกแบบ OS และ Application ในอนาคตนั้นจะมองเป็น Single Workspace ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างต่อเนื่องไม่ติดขัด โดยผู้ใช้คอมพิวเตอร์ไม่ต้องคอยเปิดโปรแกรมทีละโปรแกรมเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยข้อมูลและโปรแกรมจะต้องเชื่อมโยงกันแบบไม่มีรอยต่อ แล ะถูกออกแบบให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาการทำงานจากการรบกวนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในที่ทำงานแต่ละวัน เพราะทุกอย่างจะถูกนำมาไว้บน “Single Desktop” ใน Microsoft Envisioning LAB นั้นจะใช้จอภาพ 3 จอต่อผู้ใช้หนึ่งคนในการแสดงผลทุกเรื่องทั้งเรื่องงานและส่วนตัวเพื่อเพิ่ม Productivity ในการทำงาน - Work/Life Blur
การทำงานในอนาคตจะแยกไม่ออกระหว่างข้อมูลเรื่องส่วนตัวกับข้อมูลเรื่องงานซึ่งจะผสมผสานปนกันอยู่ในชีวิตการทำงานแต่ละวัน ทำให้การออกแบบ OS และ Application ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย - Corporate Social Responsibility (CSR)
การทำธุรกิจต้องมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ต่อสังคม เช่น เรื่อง Green IT ต่างถูกนำมาใช้ในการออกแบบ OS และ Application ในอนาคต - Rising of the Cloud
การมาถึงของยุค “Cloud Computing” ทำให้ทุกบริษัทไอทีต้องปรับตัวเข้ากับยุคสมัย ใครปรับตัวไม่ได้ก็คงจะอยู่ในตลาดได้ลำบาก - Microsoft Health Vault
เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บประวัติส่วนตัวเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของเรา ซึ่งเราสามารถเข้าถึงได้ในแบบ Biometric Authentication
- Microsoft Photosynth Technology from Microsoft Live LABs
เป็นเทคนิคการแสดงภาพแบบเสมือนจริงในรูปแบบ 3D ทำให้เราสามารถมองเห็นแบบ 360 องศา เหมาะสำหรับทำ Virtual Reality หรือ การนำเสนออสังหาริมทรัพย์แบบทุกมุมมอง - Consolidated Business Intelligence (CBI)
เป็นแนวคิดเรื่อง BI (Business Intelligence) ในแนวทางของ Microsoft ที่รวมเอาเทคโนโลยีด้าน RDBMS และ BI หลาย ๆ เทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกันใน Package เดียว ตั้งแต่การทำ ETL ในขั้นตอน Staging จนถึงขั้นตอนการวิเคราะห์ในรูปแบบกราฟฟิค ในลักษณะ Scorecard หรือ Dashboard ที่เป็น “Real-Time” โดยมีการนำ Microsoft Excel และ Microsoft Powerpointมาประยุกต์ใช้งานอย่างเต็มรูปแบบในลักษณะที่ให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถสร้าง report เองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาทางคนทาง IT มากนัก (From IT-generated report into User-generated report)
Microsoft’s Home of the Future (Advanced Customer Technology)
เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นอยู่ของผู้คนในอนาคตในรูปแบบ “บ้านจำลอง” ตั้งแต่เข้าประตูบ้านก็สามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หรือเสียงในการเปิดบ้านได้ ถ้ามีใครมาหาก็สามารถเห็นภาพผู้ที่มาพบผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ทันที ภายในบริเวณบ้านจะมีการติดตั้ง Projector และ Sensor จำนวนมาก เพื่อฉายภาพบรรยากาศตามที่ต่าง ๆ ภายในบ้าน เช่น ผนังบ้าน พร้อมทั้งมี Sensor คอยตรวจจับความเคลื่อนไหวและเสียงสำหรับสั่งการจากเจ้าของบ้าน อาหารในตู้เย็นจะมี RFID Tag กำกับเพื่อให้ข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งสามารถแสดงผลได้บนโต๊ะหรือผนังในครัวได้เลยโดยไม่ต้องใช้จอภาพแสดงผล สำหรับเรื่องสันทนาการจะมีโต๊ะใหญ่ตรงกลางที่ใช้ Microsoft Surface Technology สำหรับการทำกิจกรรมในครอบครัวหรือเป็นที่ใช้ทำการบ้านของลูก ๆ ก็ย่อมได้ ในห้องนอนมีการควบคุม theme ได้หลากหลายอารมณ์ เช่น ถ้าคุณป้ามาพักก็จะเป็นอารมณ์ยุค 60 แต่ถ้าวัยรุ่นมาพักแล้วสีภายในห้องก็จะถูกตั้งให้แสดงผลแบบวัยรุ่น เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าการสั่งการอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ตลอดจนโทรทัศน์ เครื่องเสียง ตู้เย็นต่าง ๆ ในบ้านนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ “Remote Control” แต่อย่างใด หากแต่ใช้เพียงเสียงหรือการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายก็สามารถควบคุมอุปกรณ์ทุกอย่างในบ้านได้อย่างครบวงจร ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยและให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากขึ้นตาม Concept NUI (Natural User Interface) โดยการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายจะเข้ามาที่เทคโนโลยีในปัจจุบันคือ GUI (Graphic User Interface)
Microsoft’s Cloud Computing Strategy
ทางผู้บรรยายซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน “Cloud Computing” ได้อธิบายถึงนิยามของ Cloud Computing โดยพูดถึง 5 Essential Characteristics ของ Cloud Computing จากการกำหนดนิยามโดย NIST (see http://csrc.nist.gov/groups/SNS/cloud-computing/ ) จากนั้น วิทยากรพยายาม “Map” ผลิตภัณฑ์ไมโครซอฟท์เข้ากับลักษณะของ Cloud ทั้งสามแบบ ได้แก่ IAAS , PAAS และ SAAS ภายใต้ Windows Azure Platform
การดูงานที่ Microsoft GSOC (Global Security Operation Center)
ไมโครซอฟท์มีนโยบายด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่น่าสนใจคือ “Totally Outsource” การดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยทั้งหมดให้กับบริษัทที่รับจ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ การทำงานภายในศูนย์จะเน้นไปที่คนอยู่ประจำในแต่ละกะไม่จำเป็นต้องมีจำนวนมากแต่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยให้เกิดประสิทธิภาพ เช่น มีการนำโปรแกรม Microsoft Sharepointมาประยุกต์ใช้ร่วมกับ Microsoft Infopathในการรับแจ้งเหตุ (Incident) เวลาฉุกเฉิน และมีการนำเทคโนโลยี Wave Dispatch Communicator จาก Twisted Pair Solution (http://www.twistpair.com/) มาใช้ในการติดต่อสื่อสารกันระหว่างภายในศูนย์ใหญ่ที่ Redmond เองและเชื่อมตรงกับอีก 2 ศูนย์ที่ Thames Valley, UK และ Hyderabad, India โดยเทคโนโลยีนี้สามารถทำให้โทรศัพท์ภายในศูนย์ที่ใช้ Voice Over IP สามารถติดต่อกับวิทยุสนามที่ถูกนำมาใช้ภายนอกได้อย่างกลมกลืนเปรียบเสมือนกับการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่คุยกัน จากนั้นยังสามารถทำ Video Conference ผ่านทางโปรแกรม Microsoft Office Live Meeting อีกด้วย นอกจากนี้ทาง Microsoft GSOC ยังได้เน้นเรื่องการซ้อม (Drill) เพื่อเตรียมพร้อมในกรณีฉุกเฉินที่ศูนย์หลักทำงานไม่ได้อีกด้วย
For More information :
Microsoft’s Global Security Operations Center (GSOC) Technology Solution
http://www.microsoft.com/industry/publicsector/government/csa/global_security_operations_center.aspx
http://www.microsoft.com/showcase/en/us/details/17cfd715-79dc-4437-837e-839f8b474738
(Live ใช้ Microsoft Silverlight)
การล่องเรือเยี่ยมชมบ้าน Bill Gates ริม Lake Washington, Medina
http://en.wikipedia.org/wiki/Bill_Gates%27_house
http://www.bcj.com/public/projects/project/12.html
การดูงานที่โรงงานผลิตเครื่องบิน Boeing
นอกจากการเยี่ยมชมภายในโรงงานผลิตเครื่องบิน Boeing ที่ได้มาตรฐานแล้ว ทาง Boeing ยังแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับเรื่อง “Business Process Optimization” ภายในสายการผลิตและการบริหารจัดการส่งมอบเครื่องบินให้แก่ลูกค้า โดย Boeing ได้ไปดูงานในประเทศญี่ปุ่น เช่น บริษัท โตโยต้า บริษัท มิตซูบิชิมอเตอร์ และนำหลักการ Kaizen ของทางญี่ปุ่นมาใช้ลดขั้นตอนและประหยัดเวลาในการผลิต นอกจากนั้นทาง Boeing ยังได้โชว์ศูนย์ “Production Integration Center” ที่ใช้ในการควบคุมการขนส่งวัสดุชิ้นส่วนประกอบของ Boeing 787 “Dreamliner” ให้สามารถส่งมอบเครื่องบินให้ทันกำหนดที่ได้ตกลงกับลูกค้าไว้ (การส่งมอบ Lot แรกให้กับสายการบิน ANA) โดยทาง Boeing มีการใช้หลักการ “Project Management” อย่างเต็มรูปแบบและ มีการ “Monitor” การขนชิ้นส่วนจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกโดยเครื่องบินที่ออกแบบมาพิเศษชื่อว่า “DreamLifter” บนจอภาพ LCD ขนาดใหญ่ในแนวศูนย์ “Security Operation Center” ของ Microsoft โดยการ monitor จะเน้นไปที่ Project Timeline และในขณะเดียวกันก็ monitor “Physical Threat” เช่น แผ่นดินไหวและสึนามิ ไปด้วย
กล่าวโดยสรุปสำหรับการดูงานใน Trip นี้ ทำให้เราเห็นถึงเทคโนโลยีอนาคตในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ตลอดจนได้เห็นถึงการบริหารจัดการโครงการและการบริหารศูนย์ SOC ภายใต้แนวคิดที่ต้องการประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งใช้คนทำงานไม่มาก แต่ใช้ “ไอที” มาช่วยในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น และเรายัง ได้เห็นการทำงานในสไตล์ “อเมริกัน” ที่มีชีวิตชีวา มีความ “Active” กระตือรือร้น มีการ “Present” ที่น่าสนใจในระดับมืออาชีพ และ เห็นถึงความเป็นผู้นำ (Leadership) ตลอดจน “ความเป็นกันเอง” และ “ลงรายละเอียดปลีกย่อย” ของผู้บริหารระดับสูงที่ “ใส่ใจ” กับพนักงานและลูกค้า ในยุคที่แนวคิด “Maximize Shareholder Value” นั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไป การเปลี่ยนมาใช้แนวคิด “Maximize Customer Value and Employee Value” น่าจะให้ผลในระยะยาวได้ดีกว่า เพราะหากลูกค้าและพนักงานมีความสุข ผลประโยชน์ขององค์กรก็จะกลับมาเอง และ จะทำให้องค์กรเกิด “Sustainability” ในระยะยาวได้อย่างยั่งยืนต่อไป