การใช้งานเครือข่าย 5G อย่างแพร่หลายในปัจจุบันทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว และเพิ่มความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น แต่ยังนำมาซึ่งความท้าทายด้านความปลอดภัยใหม่ๆ อีกด้วย การรับรองความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐาน 5G และการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย ซึ่งความสำคัญที่ควรพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่.

1. พื้นผิวการโจมตีที่เพิ่มขึ้น : เครือข่าย 5G จะรองรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อถึงกันจำนวนมาก ตั้งแต่อุปกรณ์ IoT ไปจนถึงยานพาหนะอัตโนมัติ การขยายพื้นที่การโจมตีนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้มากขึ้น.

2. ความปลอดภัยจากการออกแบบ : ความปลอดภัยจะต้องบูรณาการสอดคล้องให้เข้ากับการออกแบบและสถาปัตยกรรมของเครือข่าย 5G ตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งรวมถึงการสร้างกลไกการเข้ารหัส การรับรองความถูกต้อง และการควบคุมการเข้าถึงด้วย.

3. การรับรองความถูกต้องและการอนุญาต : กลไกการตรวจสอบ และการอนุญาตที่เข้มงวดมีความสำคัญอย่างยิ่งในการตรวจสอบตัวตนของอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่เข้าถึงเครือข่าย 5G การรับรองความถูกต้องแบบหลายปัจจัย (2FA) และการจัดการคีย์ที่ปลอดภัยมีบทบาทสำคัญ.

4. ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล : เครือข่าย 5G เป็นที่รวบรวมข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจำนวนมหาศาล การปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเหล่านี้นี้ ทั้งระหว่างการส่งผ่าน และขณะพักถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด.

5. Zero Trust Security : การใช้โมเดลความปลอดภัยแบบ Zero Trust มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นในเครือข่าย 5G ซึ่งหมายความว่าไม่ควรเชื่อถืออุปกรณ์ หรือผู้ใช้ใดๆทั้งสิ้น การควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวด และการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องถือเป็นสิ่งสำคัญ.

6. ข่าวกรอง และการตรวจจับภัยคุกคาม : ระบบข่าวกรอง และการตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูงควรอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อสามารถระบุ และตอบสนองต่อภัยคุกคาม รวมถึงตรวจหาช่องโหว่ที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ได้.

สรุปโดยรวมแล้ว แม้ว่าเครือข่าย 5G จะให้ประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลง แต่ความท้าทายด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถละเลยได้ การรับรองความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานและการสื่อสาร 5G จะเป็นกระบวนการที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี กฎระเบียบ และการศึกษา เพื่อก้าวนำหน้าภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่