NIST Cybersecurity Framework และการปรับใช้ในองค์กร
NIST Cybersecurity Framework (Framework ของสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ) เป็นกรอบแนวคิดที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIST) เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ได้ดีขึ้น.
Framework นี้มีองค์ประกอบหลักๆ ดังนี้:
- Core Functions เป็นการแบ่งกลุ่มฟังก์ชันหลักที่องค์กรควรนำมาใช้ในการจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์ ประกอบด้วยส่วนประกอบด้านการ Identify, การป้องกัน (Protect), การตอบสนอง (Detect), และการซ่อมแซม (Respond) และส่วนหนึ่งของการซ่อมแซม (Recover) ที่ใช้ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Incident..
- Framework Implementation Tiers เป็นการจัดหมวดหมู่ระดับการปรับใช้ Framework ขององค์กร โดยแบ่งเป็นระดับที่ปรับตัวและดำเนินการตาม Framework ได้ตามที่ต้องการ ประกอบด้วยส่วนประกอบด้านรูปแบบการบริหารความเสี่ยงทางไซเบอร์ (Risk Management), การประเมินและการปรับปรุง (Assessment and Improvement), การรายงานการปฏิบัติตาม (Reporting), และการติดตามความเสี่ยงทางไซเบอร์ (Cybersecurity Risk Management)..
- Framework Profiles เป็นการกำหนดและปรับแต่ง Framework ให้เหมาะสมกับความต้องการและลักษณะขององค์กรในแต่ละระดับ โดยใช้งาน Core Functions เป็นพื้นฐาน และทำการปรับปรุงให้เหมาะสมตามเป้าหมาย และการดำเนินการขององค์กรเอง.
การปรับใช้ NIST Cybersecurity Framework ในองค์กรควรเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจและการประเมินระดับการปรับใช้ Framework ซึ่งจะช่วยให้องค์กรรู้ว่าตอนนี้อยู่ในระดับใด จากนั้นองค์กรสามารถสร้าง Framework Profile ที่เหมาะสมกับความต้องการและลักษณะขององค์กร โดยใช้ Core Functions เป็นพื้นฐาน และตัดสินใจว่าจะดำเนินการปรับปรุงในส่วนใดของ Framework และดำเนินการเสร็จสิ้นการปรับใช้ Framework โดยระบุวัตถุประสงค์ ระยะเวลา และแผนงานการดำเนินการขององค์กรในการใช้ Framework.
การปรับใช้ NIST Cybersecurity Framework ในองค์กรเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องการการมีส่วนร่วมของทีมงานทั้งหมด โดยควรมีการกำหนดผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และมีการตรวจสอบและปรับปรุงเป็นประจำเพื่อให้มั่นใจว่าการปรับใช้ Framework มีผลสำเร็จและเป็นประโยชน์ต่อองค์กร